Last updated: 6 ส.ค. 2567 | 3908 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคหัด
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส เริ่มมีอาการ7-14วัน หลังจากได้รับเชื้อมา 4-10วัน
สาเหตุ
โรคหัดเกิดจากไวรัสง่ายต่อการแพร่กระจายสู่บุคคลอื่น เพราะติดต่อกันทางอากาศ เพียงแค่อยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อ ใช้ของร่วมกัน ก็สามารถติดได้ ทางที่ดีที่สุดป้องการติดเชื้อคือการฉีดวัคซีน ในเด็กในวัยก่อนเข้าโรงเรียน เด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และบุคคลทั่วๆไปที่ไม่เคยได้รับวัคซีน ผู้ใหญ่ก็สามารถติดโรคหัดได้ถึงแม้เคยฉีดวัคซีนมาแล้วหนึ่งครั้งและจำเป็นต้องไปในแหล่งที่โรคหัดระบาด ดังนั้นต้องฉีดเพื่อกระตุ้นเพื่อกระตุ้นภูมิอีกหนึ่งเข็ม ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ ติดเชื้อในหู ปอดติดเชื้อ คออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อาการ
อาการเบื้องต้นคือมีไข้ เหนื่อย น้ำหนักลด น้ำมูกไหลจาม ไอแห้งๆ ไวต่อแสง พบจุดขาวๆบริเวณกระพุ้งแก้มและคอ และพบผื่นน้ำตาลแดงเริ่มจากหน้าผาก รอบๆหู และกระจายลงมาสู่ร่างกาย ไข้จะลดลงภายในวันที่สองหรือสามของผื่น เมื่อกระจายลงไปสู่เท้า ผื่นแก้ค่อยๆจางไปภายใน7-10วัน
การวินิจฉัย
จากประวัติการรักษา และการตรวจร่างกาย ไม่มีการตรวจเฉพาะ แต่ต้องเก็บเลือดเพื่อนคอนเฟิร์มการวินิจฉัย
การรักษา
ผู้ป่วยควรแยกตัวออกมาตั้งแต่4วันหลังมีผื่นและนอนพักรักษาตัวเองจนกว่าไข้จะลงและผื่นหาย หยอดน้ำตาเทียมป้องกันตาแห้ง ใส่แว่นกันแดดป้องการแสบตา ห้ามใช้แอสไพลินให้ใช้acetamenophenเพื่อลดไข้เพราะการให้แอสไพรินในเด็กอายุต่ำกว่า16ปีเสี่ยงกับการเป็นโรคReye`s syndrome และให้สารน้ำให้เพียงพอ
สิ่งที่ควรทำ
ควรบอกแพทย์หากตั้งครรภ์เพราะโรคหัดมีผลกับทารก
ควรใส่แมสป้องกันเวลาไอ
ควร ล้างมือบ่อยและบอกให้คนใกล้ชิดทำเช่นกัน
ควรมีเครื่องพ่นไอน้ำเพื่อช่วยเรื่องของอาการไอ
ควรหยอดน้ำตาเทียมเมื่อตาแห้ง และใส่แว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสงแดด
ควรรีบพบแพทย์ทันทีที่เริ่มมีอาการเจ็บคอ ไข้สูงหรือปวดหัวรุนแรง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ซึมลง ปวดหู ไอเป็นเสมหะสีเหลือง
ห้ามทำ
ห้ามให้เด็กไปโรงเรียนหลังผื่นขึ้นเป็นเวลา10วัน
ห้ามให้ยาแอสไพรินกับเด็กอายุน้อยกว่า16ปี
16 ส.ค. 2566
16 ส.ค. 2566
16 ส.ค. 2566
16 ส.ค. 2566