Last updated: 6 ส.ค. 2567 | 8870 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคเบาจืด
โรคเบาจืดเป็นโรคที่เกิดจากการลดลงปริมาณหรือการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำ ฮอร์โมนนี้เรียกว่าฮอร์โมนต้านการขับปัสสาวะ (ADH) เรียกอีกอย่างว่า vasopressin ต่อมใต้สมองควบคุมการไหลของ ADH เข้าสู่กระแสเลือด ADH ช่วยให้ไตรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายให้เป็นปกติ โรคเบาจืดสองประเภทหลักคือสมองส่วนกลางและไต ประเภทสมองส่วนกลางเกิดจากการผลิต ADH ที่ต่ำกว่า ในโรคเบาจืด nephrogenic การผลิต ADH คือปกติหรือเพิ่มขึ้น แต่ไตไม่ตอบสนองฮอร์โมนตามปกติ
สาเหตุ
เนื้องอกของต่อมใต้สมองหรือการติดเชื้อจากโรคเบาจืดในสมองส่วนกลาง การบาดเจ็บที่ศีรษะหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาจทำให้เกิดโรคเบาจืดสมองส่วนกลาง โรคเบาจืดจากไตผิดปกติอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือเกิดจากยา เช่น ลิเธียม
อาการ
อาการต่าง ๆ ได้แก่ ปัสสาวะที่เจือจางมากและปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะตอนกลางคืน กระหายน้ำมาก (โดยเฉพาะการดื่มน้ำเย็นจัด) ภาวะขาดน้ำร่วมกับเวียนศีรษะเวลายืน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นอย่างอื่น โรคเบาจืดที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ระดับโซเดียมในเลือดสูงมาก สับสน ชักและความตาย
วินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยจากอาการและผลเลือดและการตรวจปัสสาวะ (เช่น ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะและปัสสาวะ 24 ชั่วโมงของสะสม)หลังจากวินิจฉัยแล้วต้องหาสาเหตุ การถ่ายภาพด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (MRI) ของสมองและอาจมีการทดสอบเพิ่มเติม และจะถูกส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญ (โรคต่อมไร้ท่อ) ซึ่งจะมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในการ วินิจฉัยและการรักษาเกี่ยวกับความผิดปกติที่พบได้น้อย
รักษา
หากสาเหตุเกิดจากการกดทับของเนื้องอกในต่อมใต้สมอง การรักษาคือ การกำจัดเนื้องอก หากเป็นเพราะสภาพชั่วคราวภายหลังการผ่าตัดต่อมใต้สมอง หรือสมองจากโรคอื่น ๆ ก็อาจจะหายไปได้เองโดยไม่รักษา หากภาวะนี้เกิดจากยา ควรหยุดยา หยุดยาที่ทำให้เกิดโรคเบาจืดที่ไตผิดปกติแย่ลงและการดื่มน้ำให้เพียงพอเมื่อกระหายน้ำช่วยเรื่องภาวะไตวายได้อีกทางหนึ่ง โรคเบาจืดจากสมองส่วนกลางสามารถควบคุมได้ด้วยยาDDAVP (desmopressin) ให้วันละครั้งหรือสองครั้งภายใต้ผิวหนังหรือเป็นสเปรย์ฉีดจมูก ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยานี้อาจรวมถึงระดับโซเดียมต่ำจากการรักษามากเกินไป
ควรไม่ควร
ดื่มน้ำทุกครั้งที่คุณกระหายน้ำ ตัวเราเองที่จะควบคุมระดับโซเดียมในเลือดได้ดีตามธรรมชาติ กินยาตามแพทย์สั่ง
ควรพบศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ หากคุณต้องการทำศัลยกรรม
พบแพทย์หากหยุดรู้สึกกระหายน้ำไม่ได้
ควรไปพบแพทย์หากมีไข้สูง ท้องเสีย เหงื่อออกหรือความถี่ในการปัสสาวะแย่ลงแม้จะมีการรักษา
พบแพทย์หากคุณกำลังนัดเข้ารับการผ่าตัด