Last updated: 6 ส.ค. 2567 | 18620 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคตับอักเสบจากภูมิคุ้มกัน
เป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันตัวเองไปทำลายเซลล์ตับ ทำให้ตับเกิดการอักเสบและบวมขึ้น โรคที่ไม่ส่งต่อสู่ลูกหลานแต่ก็ยังไม่มีวิธีป้องกันได้ 70%ส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิงวอายุ15-40ปี ถ้าไม่รักษาอาการสามารถแย่ลง ทิ้งเวลาเป็นปี สามารถกลยเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้
สาเหตุ
ไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ร่างกายสร้างแอนติเจนเข้าไปทำลายเซลล์ตับ ผู้เชี่ยวชาญคิดว่ามีความเกี่ยวพันธืในเรื่องของยีนส์ที่มีผลทำลายอวัยวะตัวเอง
อาการ
อาการหลักๆคือ เหนื่อยง่าย และอื่นๆเช่น คลำได้ตับโต ตัวเหลือง คันตามตัว มีผื่น ปวดข้อ รุ้สึกไม่สบายท้อง อาการจะเริ่มเป็นน้อยๆจนถึงขั้นรุนแรง ในผู้ที่ป่วยขั้นรุนแรงจะพบน้ำในท้องและขยายขนาดขึ้น และเกิดภาวะสบสน
การวินิจฉัย
วินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ผลตรวจเลือด อัลตราซาวด์ CT scan เพื่อตัดข้อสงสัยในดรคอื่นๆออกไป การตัดชิ้นเนื้อ การตรวจเลือดดูเอนไวม์ของตับและ ออโตอิมมูน ซึ่งการตรวจนนี้จะช่วยแยกว่าอออิมมูนที่เกิดขึันมาจากไวรัสหรือ เมตบอลิก ตัวแอนติบอดี้เป็นโปรตีนที่ผลิตจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งในโรคตับอักเสบจากภูมิคุ้มกัน จะผลิตแอนติบอดี้ไปทำลายเซลล์ตับซึ่งสามารถดูได้จากลักษณะและปริมาณนำไปสู่การแยกชนิดของโรค ซึงชนิดแรกมักเกิดกับผู้หญิง ชนิดที่สองมักเกิดในเด็กหญิง สำหรับการตัดชิ้นเนื้อตับส่งตรวจ ทำโดยใช้เข็มพร้อมติดกล้องและแทงลงไปตำแหน่งของตับ
การรักษา
การรักษาของทั้งสองชนิดคือการใช้ เสตียรอยด์หรือpredisolone ที่จะค่อยมีผลกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สำหรับผู้ที่เคยรักษาและกลับมาเป็นซ้ำจำเป็นต้องกินยาตลอดชีวิต หากผู้ที่ได้รับสเตียรอยด์แล้วไม่ได้ผลคงต้องเปลี่ยนไปใช้ยากดภูมิ และสำหรับผู้ป่วยที่ตับสูญเสียการทำงานถาวร ต้องได้รับารปลูกถ่ายตับ จะยืดอายุได้ยืนยาวมากขึ้นจาก 50%ไปเป็น80%
สิ่งที่ควรทำ
ควรติดตามผลการรักษาของตัวเอง และสังเกตอาการที่ผิดปกติต้องรีบแจ้งแพทย์
ควรรีบพบแพทย์หากคุณมีอาการสีผิวเปลี่ยน ผลข้างเคียงจากยา ปวดข้อ ท้องบวมขึ้น
ห้ามทำ
ห้ามเพิกเฉยต่อผลข้าเคียงของยาเช่น น้ำหนักขึ้น กังวล สับสน กระดูกพรุน ผมและผิวบาง เบาหวาน ความดันสูง ต้อกระจก
ห้ามดื่มเหล้ายิ่งทำให้ตับพัง
19 ก.ค. 2566
19 ก.ค. 2566
19 ก.ค. 2566
13 มิ.ย. 2566